แม้ยามนี้ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปเนิ่นนานพอสมควร ป้อมปราการอันตระหง่านบนที่ราบซลเบียงต์ยังคงสว่างไสวราวกับยามกลางวันด้วยกองเพลิงอันชัชวาล
เหล่าทหารล้วนแต่ส่งเสียงเกรี้ยวกราด วิ่งวุ่นวายไปทุกที่
ผู้ช่วยผู้บัญชาการมาโครนิสผู้ได้รับคำสั่งให้เฝ้าระวังปราการ วุ่นวายอยู่กับการสั่งการทหารใต้บังคับบัญชาที่เร่งร้อนเข้ามาขอคำสั่ง บ้างก็เพื่อรายงาน
“ท่านผู้ช่วยผู้บัญชาการขอรับ! ที่พักทหารบาดเจ็บมีไม่พอแล้วขอรับ! ”
“ต้องให้พวกเขานอนตามทางเดินก็ไม่เป็นไรข้าไม่ว่า! ยามนี้จิตใจพวกเขาไม่ไหวอยู่แล้ว หากต้องให้นอนตากลมเย็นจะยิ่งย่ำแย่ ตรวจอาการบาดเจ็บ ขนย้ายผู้บาดเจ็บสาหัสก่อนเป็นสำคัญ! ”
“ท่านผู้ช่วยผู้บัญชาการ! ตอนนี้ยารักษาขาดแคลนขอรับ! ผ้าพันแผลก็เช่นกัน! ”
“ไปเอาถังเหล้ามาจากห้องเสบียง! อย่างน้อยต้องล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ก่อน! ในห้องเสบียงยังต้องมีเสื้อผ้าอยู่เช่นกัน ฉีกเอามาใช้แทนผ้าพันแผล! ”
ความวุ่นวายนี้เกิดจากทหารบาดเจ็บที่มาถึงป้อมปราการเมื่อยามดวงอาทิตย์ลดต่ำลง
ผ่านไปเกินครึ่งเดือนนับตั้งแต่กองกำลังจากไปเพื่อกวาดล้างโซออนที่เรียกว่าเผ่าคมเขี้ยวที่ซุ่มซ่อนอยู่ที่เนินเขาฮอกห์นาเรียห์ทางเหนือ ทุกคนต่างคิดว่าจัดการโซออนเป็นเรื่องง่าย โซออนสูญเสียความได้เปรียบมาเนิ่นนานแล้ว
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสามวันนับจากที่เดินทัพสู่เนินเขานั้น เพลิงยักษ์ก่อตัวขึ้นรอบบริเวณหมู่บ้านโซออน ใหญ่โตเสียจนสามารถเห็นได้จากป้อมปราการ
มาโครนิสสังหรณ์ใจไม่ดีเมื่อเห็นพระเพลิงยักษ์นั้น คาดว่ามันคงมอดไหม้หมู่บ้านโซออน
เขาทราบว่าลางสังหรณ์นั้นเป็นจริงในอีกสามวันถัดมา
ทหารจากกองพันที่ถูกส่งไปกวาดล้างโซออนกลับมาในสภาพเลวร้ายย่ำแย่ ตั้งแต่หัวจรดเท้าล้วนถูกอาบด้วยคราบเขม่าดำและโคลนจนเกือบถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้อพยพไม่ทราบที่มา เมื่อมาถึงป้อมปราการแล้ว คนส่วนมากล้วนแต่หมดสติล้มลงคาที่ด้วยความเหนื่อยล้าสาหัส ไม่อาจขยับได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว
เมื่อถามทหารหลายนายว่าเจอเรื่องเลวร้ายใดมา ก็ได้รับแจ้งว่ากองพันพ่ายแพ้ลง ยังอาจเรียกว่าเป็นการ ‘สังหารหมู่’ จากการจู่โจมไม่คาดฝันด้วยไฟจากเหล่าโซออน
คนยังบอกเขาว่าหัวหน้ากองพันลูกินาซที่นำกองพัน และทุกคนที่มียศระดับหัวหน้ากองร้อยล้วนแต่หายสาบสูญไปในความวุ่นวาย เหล่าทหารไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องหนีออกมาทันที พวกเขาถูกไฟไล่ล่า ล้วนต้องเดินเท้าถึงสามวันเต็มโดยไม่กินไม่ดื่มจนกระทั่งกลับถึงป้อมปราการ
ดังคาด นั่นคือสิ่งที่มาโครนิสเชื่อไม่ลงในคราวแรก
ทว่าเมื่อเห็นทหารบาดเจ็บทยอยกลับมายังปราการต่อเนื่องหลายต่อหลายวัน เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากยอมรับความจริง
ยามนี้ทหารบาดเจ็บที่กลับมาล้วนแต่พักผ่อนอยู่ในปราการ การต้องทนฟังเสียงครวญครางไม่จบสิ้นนั้นเป็นประสบการณ์ดังนรก
เมื่อจัดการปฐมพยาบาลให้กับทหารบาดเจ็บที่มาใหม่แล้ว ในที่สุดป้อมปราการก็กลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง ยามนี้ดวงจันทร์อยู่กลางฟ้า ดวงอาทิตย์ลับหายไปทางตะวันตกเนิ่นนานแล้ว
“ท่านมาโครนิสขอรับ ขอเวลาสักครู่ได้หรือไม่? ”
นายทหารผู้หนึ่งที่มีพู่หัวหน้าหมวดติดหมวกเกราะเดินเข้าหามาโครนิส
“อะไรหรือเซเทียส? ”
“มีเรื่องที่ข้าต้องแจ้งให้ทราบขอรับ”
“อะไรเล่า? เล่ามาเถอะ”
“สถานที่นี้ออกจะ…”
เขาลังเลที่จะพูด มองไปยังทหารมากมายที่นอนรายล้อม มีทหารอีกหลายรายคอยรักษาพยาบาล
“เข้าใจแล้ว ตามข้ามา”
มาโครนิสออกเดินไปยังอาคารหลังหนึ่ง
กระทั่งขั้นบันไดและทางเดินในอาคารก็เต็มไปด้วยทหารบาดเจ็บนอนเรียงราย มาโครนิสระมัดระวังไม่รบกวนพวกเขา มุ่งหน้าตรงไปยังห้องบัญชาการของป้อมปราการ
แผนที่ขนาดใหญ่แขวนอยู่บนผนัง มาโครนิสนั่งลงเบื้องหลังโต๊ะซึ่งตั้งอยู่หน้าแผนที่นั้นด้วยท่าทีราวกับล้มลง
“ท่านคงเหน็ดเหนื่อยยิ่ง ท่านผู้ช่วยผู้บัญชาการ”
“เจ้าพูดถูกต้องเลยล่ะ”
คราวแรกผู้บัญชาการก็ตายตกลงอย่างทรมานหลังเข้าหาพระบุตรชาวโซออน ยังมีเหตุการณ์อีกมากมายเกิดขึ้นให้ผู้ช่วยผู้บัญชาการที่ใกล้เกษียณจากกองทัพให้ต้องรับมือ
“ข้ามิคาดว่าทหารบาดเจ็บจะถูกส่งมาทุกวันเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนมากกว่าสี่สิบคนที่ใช้รถเกวียนวันนี้”
“ราวกับโซออนกำลังโจมตีเราอยู่เลยใช่ไหมขอรับ? ”
เขาก็คิดแบบเดียวกับเซเทียส
ทหารบาดเจ็บขึ้นตรงต่อรัฐฮอลเมียเช่นเดียวกับเขา ละทิ้งย่อมเป็นไปไม่ได้ ทว่าการถูกส่งทหารบาดเจ็บมาให้มากมายยิ่งกว่าจำนวนทหารที่ประจำการในป้อมเช่นนี้ เหล่าทหารในป้อมปราการเองก็เหน็ดเหนื่อยจนถึงขีดสุดกับการรักษาพยาบาลอาการบาดเจ็บแล้ว
“อย่างไรข้าก็ห้ามโซออนไม่ให้ส่งพวกเขามาไม่ได้ กลับกัน ทหารหลายรายยังรอดชีวิตเพราะได้รับการรักษา ข้ายังออกจะขอบคุณพวกเขาด้วยซ้ำ ยังไม่อาจกล่าวโทษพวกเขาได้เช่นกัน ใช่หรือไม่เล่า? ”
เพราะเป็นฝั่งมนุษย์ที่ส่งกองพันออกไปด้วยหมายจะกวาดล้างโซออน จึงไม่อาจบ่นได้แม้ทหารจะถูกกวาดล้าง ทว่าฝั่งโซออนกลับยังช่วยทำการรักษาบาดแผลฉุกเฉินให้ ยังใจกว้างสร้างเกวียนให้แก่ผู้ที่เดินไม่ได้อีกด้วย
ในกองทัพล้วนแต่สอนว่าโซออนเป็นสัตว์ร้ายป่าเถื่อน ทว่าเมื่อเห็นเช่นนี้ เขากลับไม่ทราบว่าฝ่ายใดกันแน่ที่เป็นสัตว์ร้ายป่าเถื่อน
“แล้ว เจ้ามีเรื่องใดต้องการรายงานข้าหรือ? ”
“ที่จริง ทหารที่กลับมาได้เอ่ยถึงเรื่องน่ากังวลขึ้นมาขอรับ”
“เรื่องอะไรกัน? ”
“ทหารที่ถูกจับกล่าวว่าเห็นเด็กมนุษย์อยู่ในหมู่โซออนขอรับ ยิ่งกว่านั้น ยังมีรายงานแบบเดียวกันจากทหารหลายนาย”
“เด็กมนุษย์รึ? ถูกลักพาตัวมาจากหมู่บ้านใกล้เคียงหรือไม่?
“ดูไม่คล้ายเช่นนั้นขอรับ เรื่องนี้อาจฟังดูไม่น่าเชื่อ ทว่าพวกเขาล้วนกล่าวว่าเห็นโซออนกระทำตามคำสั่งที่เด็กผู้นั้นเอ่ยขอรับ”
เป็นไปไม่ได้ มาโครนิสคิด
ความเกลียดชังมนุษย์ฝังรากลึกในจิตใจโซออน พวกนั้นถูกขับไล่จากทุ่งหญ้าที่อยู่อาศัยด้วยฝีมือมนุษย์ ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าจะมีโซออนทำตามคำที่มนุษย์อันเป็นที่เกลียดชังได้
ทว่า กลับมีบางสิ่งติดอยู่ในใจมาโครนิสที่พยายามจะหัวเราะ
“ท่านผู้ช่วยผู้บัญชาการลืมแล้วหรือขอรับ? เรื่องพระบุตรที่หายตัวไปจากป้อมปราการในวันเดียวกับที่โซออนแหกคุกนั่น”
ทันใดนั้นมาโครนิสก็นึกออก
ไม่นานก่อนหน้านี้ยังมีเหตุพระบุตรผู้สังหารผู้บัญชาการอย่างทารุณหลบหนี ในยามนั้น ยังมีพระบุตรที่เซเทียสนำกลับมาจากสถานพิธีนอกรีตหายตัวไปพร้อมกัน
เขาคิดสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่โซออนจะเป็นผู้พาเขาออกไป ทว่าอย่างไรก็เชื่อไม่ลงว่าโซออนที่เกลียดชังมนุษย์จะนำตัวเด็กชายไปด้วยทำให้ยิ่งอันตรายต่อตนเองกว่าเดิม คล้ายว่าจะเป็นเด็กชายผู้นั้นสบโอกาสที่โซออนแหกคุกเล็ดลอดหนีออกไปด้วยตนเอง
เนื่องจากมุขนายกมิลดาสเป็นผู้สั่งการให้นำตัวพระบุตรผู้นั้นไปขังห้องเดียวกับพระบุตรโซออนทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ พวกเขาจึงต้องค้นหาตัวเด็กชาย ร่วมมือกับทั้งกองพัน ทว่าสุดท้ายก็ไม่อาจหาตัวเขาเจอ ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าเด็กคนหนึ่งจะเอาตัวรอดได้อย่างไรในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่นี้ มาโครนิสจึงคิดเอาง่ายๆ ว่า เขาคงตายตกลงข้างทางที่ไหนสักแห่งไปแล้ว
“ไม่มีทางน่ะ! เป็นเด็กนั่นรึ!? ไม่สิ เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน! เจ้าบอกว่าโซออนเชื่อฟังเด็กนั่นหรือ!? อย่าบอกนะว่าเหตุจู่โจมด้วยไฟนั่น…! ”
ในที่สุดมาโครนิสก็ได้ชิ้นส่วนคำใบ้ที่เผยคำตอบต่อปริศนาในช่วงหลายวันมานี้แล้ว
สำหรับเขาผู้ไม่อาจเชื่อว่ากองพันจะถูกโจมตีด้วยไฟเมื่อเห็นรายงาน นั่นเพราะมันคือสิ่งที่ห่างไกลจากวิถีการสู่ของโซออนที่เคยรู้มามากเกินไป
ทว่า หากโซออนทำตามคำสั่งของเด็กมนุษย์ดังที่ทหารหลายนายได้เห็น เขาก็ไม่อาจจินตนาการเป็นอื่นได้ นอกเสียจากวิธีการสู้ที่ไม่เหมือนโซออนนี้ เป็นความคิดของเด็กมนุษย์นั่น
“เด็กนั่นเป็นตัวอะไรกันแน่…? ”
แม้เขาจะอยากถามมิลดาสที่ดูจะทราบตัวตนที่แท้จริงของพระบุตร อีกฝ่ายก็ออกจากป้อมปราการไปแล้ว ในวันเดียวกับที่การค้นหาของกองพันหยุดลง เขาก็โวยวายอย่างโมโห และเดินทางกลับเมืองหลวงไป
“สั่งห้ามไม่ให้ทหารเอ่ยถึงเรื่องนี้ได้หรือไม่? ”
หากทหารทราบว่าถูกมนุษย์เช่นเดียวกันทรยศเข้าฝ่ายโซออน คงก่อให้เกิดความสับสนแล้ว
“มีทหารหลายรายเห็นขอรับ ข่าวลือเริ่มแพร่ไปยังทหารที่เป็นผู้ให้การพยาบาลแล้วเช่นกัน คาดว่าสายไปแล้วขอรับ”
“บัดซบ! หากข้าบีบให้ไอ้คางคกอุบาทว์นั่นคายออกมาได้แต่ต้นย่อมดีกว่านี้มาก”
ทว่ามานั่งคร่ำครวญให้กับสิ่งที่สูญเสียไปแล้วก็ไร้ประโยชน์
“อย่างไรตอนนี้ฝั่งโซออนก็ยังได้เปรียบอยู่อาจบุกเข้าโจมตีที่นี่ได้ ทุกคนคงเหนื่อยแล้ว ทว่าอย่างไรก็เพิ่มการเฝ้าระวังให้ดี ย่นระยะเวลาเฝ้ายามแต่ละกะลง เปลี่ยนให้ถี่ขึ้น”
ทหารที่เหน็ดเหนื่อยย่อมไม่อาจตั้งสมาธิได้นานนัก
“รับบัญชา! ”
เมื่อเซเทียสทำความเคารพแล้วจากไป เหลือเพียงมาโครนิสในห้อง เขาก็ทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างเหน็ดเหนื่อย
“มนุษย์ที่โซออนเชื่อฟังหรือ? มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่!? ”
ผู้ที่สามารถตอบคำถามมาโครนิสได้ไม่มีปรากฏ
◆◇◆◇◆
ทหารนายหนึ่งห่อตัวอยู่ในผ้าห่ม ยืนเฝ้ายามอยู่บนกำแพงที่ลมเย็นพัดผ่านรุนแรง เขาเห็นบางสิ่งทางทุ่งหญ้าตะวันออกที่เริ่มสว่างขยับใกล้เข้ามา
เมื่อเบิกตากว้าง ก็เห็นเกวียนขนาดใหญ่สองหลังและทหารหลายรายที่กำลังผลักเกวียน
“นั่นมัน...ทหารบาดเจ็บอีกหรือ…? ”
แม้เมื่อเย็นวานจะมีมาสี่สิบคน จำนวนในคราวนี้กลับยิ่งมากกว่าเดิมเสียอีก
เขานึกเสียใจเมื่อคิดถึงความวุ่นวายเมื่อวาน ทว่าอย่างไรก็ไม่อาจละทิ้งสหายร่วมรบที่เอาตัวรอดมาอย่างยากลำบากนี้ได้ ทหารเฝ้ายามเอนตัวเข้าหากำแพง ร้องตะโกนไปเบื้องล่าง
“มีทหารบาดเจ็บมาอีกแล้ว! คราวนี้มีเยอะทีเดียว”
ได้ยินเสียงเขา ที่ประตูก็เกิดวุ่นวายขึ้นมา
“เปิดประตู~! ”
การเปิดประตูต้องใช้คนหลายคน พวกเขานำทหารบาดเจ็บเข้ามา
ผู้ได้รับบาดเจ็บเข้าประตูมาในสภาพย่ำแย่
พวกเขาล้วนแต่พันผ้าพันแผลจากหัวจรดเท้า ราวกับกลุ่มมัมมี่ที่ผ่านพิธีกรรมรำลึกผู้วายชนม์ตามธรรมเนียมทะเลทรายทางใต้อันห่างไกลในคำร่ำลือ
แม้แต่ทหารที่เข้ามาต้อนรับที่เริ่มชินกับทหารบาดเจ็บในช่วงหลายวันมานี้ เมื่อได้เห็นสภาพเลวร้ายเบื้องหน้า ก็ยังมีสีหน้าเจ็บปวด
“ไม่เป็นไรแล้ว ทำใจให้สงบเถอะ”
ทหารที่เร่งร้อนเข้ามากล่าวเช่นนั้น พลันสัมผัสถึงความแปลกประหลาดที่ไม่อาจบรรยายด้วยถ้อยคำ
ทหารที่ผลักเกวียนทั้งหมดไม่เพียงพันผ้าพันแผลทั่วร่าง ทว่ายังถึงกับห่อหุ้มใบหน้าจดมิดชิด หากพิจารณาว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บจากเพลิงไหม้แล้ว ก็ดูเหมือนร่างกายพวกเขาจะเปี่ยมไปด้วยเรี่ยวแรงทีเดียว
ทหารอีกนายที่วิ่งเข้ามายังเกวียนพยายามจะช่วยยกตัวทหารบาดเจ็บที่นอนอยู่เพื่อช่วยปฐมพยาบาลหยุดชะงัก เบิกตากว้าง
ผิวที่ปรากฏออกมาระหว่างรอยต่อของผ้าพันแผลนั้นแปลกประหลาด ดูไม่เหมือนถูกไฟไหม้ กลับมีขนรุงรังจนน่ากลัว ไม่เพียงจะมีขนดกเท่านั้น ยังมีมากเกินไป ราวกับสวมหนังสัตว์ไว้ใต้ผ้าพันแผลอย่างไรอย่างนั้น
อึดใจต่อมา เขาได้ยินเสียงคล้ายสัตว์ร้ายขู่ในลำคอ
เมื่อหันไปยังต้นเสียงอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก็สบตาเข้ากับทหารที่พันผ้าบนใบหน้า ลองมองดูดีๆ เขาก็รู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นแปลกประหลาดนัก ดวงตาใหญ่ ตาดำกลมโตราวกับแมวในความมืด
ยังมีฟันเขี้ยวที่ปรากฏออกมาจากปากนั้นดูยาวและคมจนผิดปกติ ราวกับเขี้ยวสัตว์เลยมิใช่หรือ?
เหงื่อเย็นหลั่งรินตามใบหน้าที่สังเกตเห็น
“ปะ...เป็นโซออนนนน!! ”
คอของทหารที่ตะโกนถูกมีดดาบแบะผ่าเกิดเป็นเสียงเชือดเฉือน
เมื่อได้สัญญาณ โซออนที่แสร้งทำเป็นทหารบาดเจ็บลุกขึ้นฉีกกระชากผ้าพันแผลออก เผยตัวตนที่แท้จริงให้เห็น
“ข้าคือการัม บุตรแห่งการ์กัสแห่งเผ่าคมเขี้ยว หนึ่งในสิบสองเผ่าโซออน! เราจะไม่สังหารหากเจ้าไม่ต่อต้าน หากหันคมดาบแก่เรา เราจะไม่ปรานี! ”
การัมที่ยามนี้ยืนอยู่บนหลังคาเกวียน ถือมีดดาบในสองมือประกาศด้วยเสียงอันดัง
จากนั้น เมื่อสูดอากาศเข้าปอดจนเต็ม เขาก็ส่งกู่เสียงสิงหนาทที่ทำให้บรรยากาศต้องสั่นสะเทือน
ที่ตอบกลับมา คือเสียงรัวกลองบ้าคลั่งและเสียงกู่ร้องนับไม่ถ้วนจากภายนอกป้อมปราการ
“โซออนจู่โจมกะทันหัน! ”
“ป้อมปราการถูกล้อมแล้ว!! ”
ภายในป้อมปราการตกเข้าสู่ความโกลาหล
“เราคือนักรบโซออนผู้มีเกียรติ! เราจะไม่เมตตาต่อผู้ต่อต้าน! ทว่าเราจะไม่ทำร้ายผู้ยอมศิโรราบ! ”
ประกาศแล้ว การัมกระโดดลงไปวิ่งเข้าหาศัตรู
จากนั้น นักรบแห่งเผ่าคมเขี้ยวที่ตามเขาเข้าไปต่างเอ่ยประสานเสียง
“เราจะไม่เมตตาผู้ต่อต้าน! และจะไม่แตะต้องผู้ยอมแพ้! ”
ทหารที่อยู่เบื้องหน้ากลุ่มการัมต่างยกสองมือขึ้นทีละคนเป็นสัญญาณว่ายอมแพ้
โซวมะให้นักรบเผ่าคมเขี้ยวสัญญาตั้งแต่ก่อนจะเข้าโจมตีป้อมปราการ ว่าจะไม่ทำร้ายคนที่ยอมแพ้
เพราะโซวมะยังรู้สึกลังเลที่จะสังหารผู้คน ในการรบที่ฮอกห์นาเรียห์ เขาตั้งใจจะแสดงให้เห็นการเตรียมใจของเขา แต่ไม่ว่ายังไง โซวมะที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นอันสงบสุขก็ยังไม่สามารถรู้สึกดีกับการฆาตกรรมได้ ที่จริงเขาอยากจบเรื่องโดยไม่ฆ่าคนเลยหากเป็นไปได้
ทว่า เป้าหมายในคราวนี้คือเพื่อทำลายจิตใจอยากต่อสู้ของทหารในป้อมปราการ
จำนวนทหารประจำปราการปัจจุบันมีอยู่ประมาณสามร้อยนายไม่นับทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถต่อสู้ได้ หากอีกฝ่ายแค่ยกจำนวนคนมาก็สามารถรับมือกับนักรบหกสิบสามนายของเผ่าคมเขี้ยวที่รุกรานป้อมได้ง่ายๆ แล้ว
แต่หากแยกย่อยทหารสามร้อยนายออกมา จะมีทหารหนึ่งร้อยนายที่ประจำอยู่ที่ปราการแต่แรก และอีกสองร้อยนายคือที่รอดชีวิตกลับมาจากเนินเขาฮอกห์นาเรียห์
ทั้งสองร้อยคนไม่ได้มีบาดแผลสาหัสจนสู้ไม่ได้ แต่หลายคนถูกทำลายความกล้าที่จะต่อสู้ไปจากการลอบโจมตีด้วยไฟแล้ว ยิ่งกว่านั้น ยังมีทหารอีกหลายรายที่เคยถูกโซออนจับตัวไว้ได้ครั้งหนึ่งแล้วค่อยปล่อยตัวออกมา
พวกเขาล้วนแต่เคยได้รับประสบการณ์มาแล้วว่าโซออนจะไม่ทำร้ายมนุษย์ที่จับตัวได้ พวกเขาเคยทราบแล้วว่าโซออนรักษาสัญญาที่บอกว่าจะปล่อยตัว แล้วจะยังมีสักกี่คนที่จะดื้อดึงต่อสู้เมื่อได้ยินโซออนกล่าวว่าจะไม่ทำร้ายหากยอมแพ้เล่า?
หากพวกเขาได้ยินว่าตนเองจะต้องถูกสังหาร ทหารย่อมรวบรวมแรงใจเฮือกสุดท้ายที่มีและต่อต้านอย่างบ้าคลั่งแน่นอน
แต่ เมื่อได้ยินว่าพวกเขาจะไม่ถูกทำร้ายหากยอมวางอาวุธ พวกเขาก็เลือกหนทางยอมแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว
การกระทำของพวกเขายังส่งผลต่อทหารที่ประจำการอยู่ที่ป้อมด้วย
แม้จะมีทหารชักดาบออกมาเตรียมใจต่อสู้หลังพบว่าโซออนบุกโจมตี แต่ทุกคนก็รีบยอมแพ้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสถานการณ์รอบตัว สภาพโดยรอบเป็นแบบนี้ แม้จะมีใจอยากสู้ก็หายวับไปได้ในพริบตา
แม้แต่ทหารที่คาดว่าจะต้องต่อสู้ก็ยังยอมแพ้โดยไม่ได้ใช้อาวุธออกไปแม้แต่ครั้งเดียว
เช่นนี้เอง เหล่านักรบของการัมแห่งเผ่าคมเขี้ยว จึงสามารถบุกยึดป้อมปราการโดยไม่ใช้สิ่งใดเลยนอกจากวาจาเท่านั้น
◆◇◆◇◆
มาโครนิสที่งีบหลับอยู่ ตื่นขึ้นด้วยเสียงกลองที่ก้องสะท้อนในปราการ เมื่อเขาสวมชุดเกราะที่ถอดออกจากนอน ทหารนายหนึ่งก็พรวดพราดเข้ามาในห้อง
“หายนะแล้วขอรับท่าน! เป็นโซออนบุกโจมตีกะทันหัน! ”
“รายงานสถานการณ์ตอนนี้มา! ”
“ดูเหมือนโซออนจะควบคุมป้อมปราการไว้ได้แล้ว โดยรุกรานเข้ามาทางประตูขอรับ! ”
“เข้ามาทางประตูงั้นรึ!? ยามเฝ้าประตูหลับยามรึไง? ”
มีประสบการณ์ถูกโซออนบุกรุกและพระบุตรที่หลบหนีไป เขาได้เพิ่มกำลังเฝ้าระวังในป้อมปราการแล้ว โดยเฉพาะบริเวณประตูที่เขาต้องให้มีทหารประจำการเสมอ ไม่เพียงจะเพิ่มจำนวนทหารเฝ้าระวัง ยังตั้งกระท่อมสำหรับพักผ่อนเพื่อไม่ให้ประตูเปิดได้โดยง่าย สำหรับในกรณีที่ศัตรูบุกเข้ามา
“นั่น...เพราะโซออนแสร้งทำเป็นทหารบาดเจ็บ ใช้ผ้าพันแผลห่อร่างไว้ ฝั่งเราจึงเปิดประตูให้ขอรับ”
“โง่งมนัก! พวกเจ้าเปิดประตูโดยไม่ตรวจสอบเลยรึ!? ”
“ขะ...ขออภัยขอรับ นั่นเพราะ…”
มาโครนิสอดกลั้นไม่ตะโกนไปมากกว่านี้
เพราะมีทหารบาดเจ็บมาที่ป้อมทุกวันในช่วงหลายวันมานี้ ทหารจึงได้เคยชินจนไม่สงสัยกับจำนวนที่เพิ่มขึ้น
ยังมีเรื่องที่ได้เห็นสหายร่วมทัพบาดเจ็บสาหัส ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมต้องการให้การรักษา ให้ผู้บาดเจ็บเข้ามาในป้อมเร็วขึ้นอีกสักนิดก็ยังดี
จะกล่าวโทษพวกเขาก็ไร้หัวใจเกินไป
ครุ่นคิดถึงตรงนี้ เขาก็ชะงัก
“บัดซบ เราจบแล้ว! ทุกสิ่งถูกปูทางมาเพื่อการนี้หรอกรึ!? ”
เพื่อให้คนในป้อมปราการเคยชินกับการมีทหารบาดเจ็บถูกส่งมาทีละน้อย ไม่ใช่ในคราวเดียว ทำให้พวกเขาเริ่มไม่ระมัดระวัง
การส่งคนมามากกว่าสี่สิบคนเมื่อวานเพื่อให้เกิดความเหน็ดเหนื่อย ความสามารถในการตัดสินใจลดลง
แม้แต่การส่งทหารบาดเจ็บกลับมาอย่างสุภาพ ทำการรักษาพยาบาลให้ก็เพื่อสร้างสถานการณ์ จะได้ดูไม่ผิดปกติในยามที่พวกเขาหุ้มร่างด้วยผ้าพันแผล ฝั่งโซออนจึงไม่ถูกเปิดเผยมาจากระยะไกล
“ผู้คิดแผนการนี้ช่างสารเลวนัก”
สบถด่าระบายความโมโหในอก มาโครนิสคว้าดาบของตน เร่งร้อนออกจากห้อง ออกจากอาคาร ที่นั่นเอง เขาพบเข้ากับพวกโซออน
โซออนขนดำยืนอยู่เบื้องหน้ากลุ่ม ชี้มีดดาบมายังเขา
“พู่ติดหมวกนั่น! ดูคล้ายว่าจะเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการของป้อมปราการนี้! ”
มาโครนิสสงสัยว่าชายผู้นี้ใช่ผู้นำโซออนหรือไม่ จากรูปลักษณ์อันโดดเด่นของโซออนขนดำเบื้องหน้าตน
คล้ายกับการพูดคุยไม่จำเป็น มาโครนิสยกดาบในมือ ปัดป้องมีดดาบจากมือซ้ายของอีกฝ่ายหนึ่งในคราวเดียว
การัมพุ่งพรวดไปข้างหน้า แทงมีดดาบในมือขวาใส่มาโครนิส มาโครนิสปล่อยมือซ้ายจากด้ามดาบของตน ใช้ศอกซ้ายกระทุ้งข้อมือขวาการัมเพื่อหยุดมีดดาบไว้ให้ทันท่วงที
ทว่า ชั่วขณะที่ร่างของมาโครนิสไร้การป้องกัน การัมกลับขยับไปอีกขั้น ใช้หัวโขกเข้าที่จมูกมาโครนิสเต็มแรง มาโครนิสถอยร่นจากการจู่โจมไม่คาดฝัน ล้มหงายหลังลงพื้นในทันที
“ยอมแพ้เสีย! หาไม่ข้าจะปาดคอเจ้า! ”
มาโครนิสที่ยามนี้ถูกมีดดาบสองเล่มกดแนบลำคอ ทั้งยังถูกอีกฝ่ายกดตัวแนบพื้นกัดฟันอย่างไม่ยินยอมอยู่ชั่วครู่ ทว่าเมื่อเห็นทหารใต้บังคับบัญชาเขาล้วนแต่ถูกโซออนจับกุมก็โยนดาบของตนทิ้งไป คลายแรงทั้งหมดที่มี
“ข้าแพ้ ข้ายอมแพ้แล้ว...”
“น่าเสียใจนัก ทว่าข้าจะยอมรับมัน”
เห็นการัมมีท่าทีหดหู่และคำพูดดูมีนัย มาโครนิสเอ่ยถามออกไปอย่างสงสัย
“น่าเสียใจ เจ้าหมายความว่าอย่างไรหรือ? ”
“นั่นเพราะข้าถูกบอกไม่ให้ทำร้ายผู้ที่ยอมแพ้”
มาโครนิสที่บัญชาการป้อมปราการแห่งนี้ควรถูกเกลียดชังที่สังหารโซออนไปมากมาย ถึงขั้นที่อีกฝ่ายปรารถนาอย่างแท้จริง ต้องการสังหารเขาเสียตรงนั้น
“เข้าใจล่ะ เช่นนั้นข้าก็รู้สึกยินดีขึ้นมาบ้าง”
การเห็นการัมทำหน้านิ่วช่วยรักษาศักดิ์ศรีที่เสียไปของมาโครนิสได้เล็กน้อย
0 ความคิดเห็น