[Hakai no Miko] บทที่1 - เรื่องราวที่ 17: การเตรียมการ


เหล่าโซออนพากันขนย้ายอาหารจำนวนมากที่ถูกเก็บไว้ในห้องเสบียงของค่าย อาหารเหล่านี้มีสำรองไว้สำหรับกำลังเสริมที่กำลังจะมาถึง นับเป็นสินสงครามอันแสนล้ำค่าของเหล่าโซออนที่ขาดแคลนเสบียงอาหารสำหรับฤดูหนาวนี้
“ดูท่าเราคงอยู่พ้นฤดูหนาวนี้ไปได้แล้วหากมีอาหารมากเพียงนี้”

“จริง ทว่ามีความจำเป็นอะไรต้องเร่งรีบขนพวกมันไปที่ค่ายอพยพเล่า?”

เขาถามสหายในเผ่าที่อยู่ใกล้กันขณะแบกหามถุงธัญพืชขึ้นบ่า

คราวแรกพวกโซออนคิดจะย้ายกลับเข้ามาในหมู่บ้านที่ยึดคืนมาได้เพื่อรอคอยกองทหารมนุษย์ที่นั่น ในกรณีนั้นพวกเขายังต้องขนอาวุธ เชื้อเพลิง และจัดเตรียมหมู่บ้านให้ผู้อพยพแทน ทว่าที่ทำอยู่ตอนนี้กลับสวนทาง ขนย้ายของจากหมู่บ้านไปยังค่ายอพยพแทน

“ไม่ใช่พวกเราจะย้ายออกจากที่นี่ อพยพลึกเข้าไปในเขาอีกหรอกหรือ? ดูท่าว่าอีกไม่นานพวกมนุษย์ก็จะมาอีกแล้ว”

ก่อนหน้านี้พวกเขายังมีการพูดคุยเรื่องละทิ้งค่ายอพยพแล้วลี้ภัยลึกเข้าไปในภูเขาขึ้น ทว่าเป็นไปไม่ได้เนื่องจากไม่มีเสบียงสำหรับฤดูหนาว ยามนี้พวกเขาล้วนได้รับอาหารปริมาณมากมายชดเชยที่สูญเสียไป เรื่องเหล่านี้ก็เป็นไปได้แล้ว

“เห็นเจ้าพูดเรื่องนี้ แต่ผู้อื่นเตรียมการอาศัยในเขาตลอดฤดูหนาวแทนแล้วไม่ใช่หรือ?”

เขากล่าว นึกนึกพี่น้องที่แยกย้ายเข้าสู่เขาไป

“ทว่าเจ้าเด็กมนุษย์นั่นกล่าวว่าจะไล่พวกมนุษย์ที่จะมาระลอกต่อไปด้วย”

ได้ยินดังนั้น เหล่าโซออนในที่นั้นก็พร้อมใจกันทำจมูดฟุดฟิด แสดงสีหน้าปั้นยาก

จริงอยู่ว่าพวกเขากอบกู้หมู่บ้านคืนมาได้ด้วยการจู่โจมยากค่ำคืนดังที่โซวมะบอก ทว่าศัตรูระลอกต่อไปนั้นคือกองทัพ ยกตัวอย่างว่า ต่อให้พวกเขาลอบจู่โจมยามค่ำคืนได้สำเร็จดังก่อนหน้า ทว่าการจู่โจมนั้นย่อมถูกเปิดโปงหลังฆ่าคนไปได้อย่างเก่งก็สักโหลหนึ่ง หากเกิดถูกกองทัพศัตรูหลายร้อยรายล้อมกลางค่ายศัตรูขึ้นมาแล้วนั้นก็สิ้นหวังยิ่ง

“เจ้าเด็กนั่นคิดบ้าอะไรอยู่นะ…?”

โซออนในเผ่าตนหนึ่งพึมพำถามขึ้นเมื่อเห็นหลังโซวมะที่วิ่งเข้าไปในห้องเสบียงตามเสียงเรียกของเชมุล คำถามนี้ก็ปรากฏในใจโซออนทุกตนเช่นกัน

ทว่าโซวมะกลับไม่ได้รู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องแผ่นหลังเลย เขากำลังดีใจกับข้อมูลเรื่องสิ่งของที่ตั้งใจค้นหาอยู่

“ดีเลย! ผมยังกังวลอยู่ว่าที่นี่จะมีของพวกนี้มั้ย ถ้าแบบนี้ก็เป็นไปได้แล้ว”

ขณะพาโซวมะเข้าไปดูในห้องเสบียงเล็กที่แยกจากบ้านหลังอื่น เชมุลก็โคลงหัวไปข้างหนึ่ง มองอย่างสงสัย

“ข้าเจอของที่เจ้าพูดถึงแล้ว ทว่าพวกมันจะไม่เป็นไรจริงหรือ?”

เมื่อนางขยับผ้าขนสัตว์ที่ปิดปากทางเข้าห้องเสบียงไปข้างหนึ่ง กลิ่นฉุนรุนแรงก็โชยออกมา พวกมันแตกต่างจากสิ่งที่โซวมะรู้จักโดยสิ้นเชิง แต่ก็ไม่มีปัญหาตราบใดที่ยังใช้ได้เหมือนกัน

“อืม! เอาพวกมันออกไป ระวังๆ หน่อยล่ะ!”


◆◇◆◇◆



โซวมะยืนอยู่บนถนนเส้นหนึ่งบนภูเขาที่ทอดยาวไปสู่ค่าย

เมื่อคืนนี้ สิ่งแรกที่เขานึกถึงขึ้นมาเมื่อใคร่ครวญหาวิธีขับไล่ทหารแปดร้อยนายที่กำลังจะบุกเข้ามาโจมตี ก็คือที่นี่

ใครๆ ก็พูดได้ว่าญึ่ปุ่นแทบจะไม่ข้องเกี่ยวกับสงครามเลย แต่การพูดคุยนั้นหมายความถึงแค่ในความเป็นจริงเท่านั้น

ในวัฒนธรรมย่อยอย่างมังงะ อนิเมะ ไลท์โนเวลและเกม ต่างก็มีเรื่องราวของสงครามตั้งแต่แบบยุคโบราณไปจนถึงยุคกลาง และก็มีการดัดแปลงให้เข้ากับเรื่องราวยุคปัจจุบันอยู่ด้วยเหมือนกัน ทุกสงครามที่เป็นไปได้ ไปจนถึงขั้นที่หากมองจากสายตาของคนที่ไม่ใช่คนญี่ปุ่น อาจเรียกได้ว่าบ้าคลั่ง

โซวมะรู้เรื่องยุทศาสตร์การทหารของสามก๊กจากมังงะ เขาเคยเห็นวิธีการต่อสู้และสั่งการแบบญี่ปุ่นในอนิเม ได้ศึกษากลยุทธ์ของแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโบราณในไลท์โนเวล และยังเคยต่อสู้นำกองทัพสมัยใหม่มาแล้วในเกม

ทั้งหมดนั่นก็เป็นแค่เหตุการณ์ในจินตนาการ

ทว่าในขณะที่มันเป็นแค่จินตนาการ แต่ก็ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเพ้อฝันไปเสียทั้งหมด เหล่านี้ล้วนแต่สร้างขึ้นจากประสบการณ์และความรู้ถึงวิถีการต่อสู้ของมนุษยชาติผ่านการขยับขยายแผ่นดิน ผ่านชีวิตและเลือดเนื้อมาอย่างยาวนานนับพันปี

และที่ถนนแห่งนี้ก็ยังเอิญเหมือนกับเงื่อนไขกลยุทธ์ที่เขารู้มาจากมังงะชื่อดังเรื่องหนึ่งพอดิบพอดี

ถ้าคิดจะขับไล่กองทัพขนาดใหญ่ด้วยจำนวนคนน้อยๆ เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้วิธีนั้นแล้ว นั่นคือสิ่งที่โซวมะตัดสินใจ

ทว่าปัญหาคือความรู้ของโซวมะเอง เขารู้แค่ที่แห่งนี้ตรงกับเงื่อนไขของยุทธการนั้น

ในมังงะไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรนอกจากผลลัพธ์ของแผนการที่ประสบความสำเร็จ ถึงจะคิดแผนขึ้นมาได้ ก็อาจจะไม่ได้ถอดแบบมาเป๊ะขนาดลอกวิธีเตรียมการ หรือต้องเตรียมของยังไงบ้าง

แต่ก็อีกนั่นแหละ ต่อให้เขามานั่งกังวลเรื่องพวกนี้ไป ถึงเงื่อนไขจะดีแค่ไหน ก็ใช่ว่าสถานการณ์จะเหมือนในมังงะไปเสียทีเดียว อีกอย่างสิ่งที่ต้องเตรียมให้เหมาะสมกับที่นี่ จะต้องตรงกับสิ่งที่ต้องทำด้วย เพื่อการนั้นก็ต้องมาแก้ไขเรื่องที่จะต้องทำ และของที่ต้องเตรียมอีก

แต่โซวมะก็ไม่ได้มีประสบการณ์วางแผนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอะไรอย่างที่การัมเคยพูดจริงๆ

ถ้าแบบนั้น เขาควรจะทำยังไงดีนะ?

ถ้าเขาไม่มีประสบการณ์ ก็ทำได้แค่ต้องเดาเท่านั้น

แค่ต้องเดาถึงทุกความเป็นไปได้ อย่างเช่นอะไรคือสิ่งสำคัญ อะไรคือการตอบโต้ที่ดีที่สุด? จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? ในเวลานั้นเขาควรจะทำยังไง?

ทีแรก โซวมะก็เริ่มจากการเดินตามทางเพื่อมุ่งไปยังค่ายก่อน

“จินตนาการ! ฉันคือทหาร รอบตัวฉันก็มีเพื่อนร่วมทัพมากมาย!”

เขาสั่งตัวเองอย่างดุเดือด เดินย่ำเท้าไปตามถนน

จากนั้นก็มองไปที่ค่าย เขาทำท่าตกอกตกใจ จากนั้นก็มองไปยังพงไม้ทางซ้าย ยังแสดงท่าทางตกใจอยู่ตลอด

“เอาล่ะ ทีนี้พวกนั้นจะทำยังไงต่อล่ะ?”

สำรวจรอบๆ เสร็จ โซวมะก็วิ่งขึ้นเนินไปทางขวา เนินเขาค่อนข้างชัน แต่ก็สามารถวิ่งไปจนถึงยอดเนินได้ เขายืนอยู่ตรงนั้น ครุ่นคิดด้วยสีหน้าซับซ้อน

“อีกแผนตรงนั้นด้วย”

พูดแบบนั้น เขาก็กลับไปที่ถนนอีกครั้ง ทำท่าทางตกใจชี้ไปยังค่ายพักอีกที จากนั้นก็หันไปมองพงไม้ แล้วจึงทำท่าแปลกใจก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปยังเนินลาด

ระหว่างที่วุ่นวายกับการสำรวจนั้น เขาก็เริ่มเดินคล้ายกับกำลังสับสน

“พวกนั้นจะทำยังไงต่อล่ะ? ต่อไปพวกนั้นจะทำอะไรกัน?”

เสียงของสายน้ำไหลจากอีกฝั่งของพงไม้สะท้อนมายังหูโซวมะผู้พึมพำกับตัวเองเสียงต่ำ

“แม่น้ำ!”

อุทานขึ้นมาแล้ว เขาก็เริ่มวิ่งไปยังพงไม้กระทันหัน แม้จะดูคล้ายกำลังจะสะดุดไปตลอดทางเพราะวิ่งไปอย่างเร่งร้อน แต่เขาก็มาถึงแม่น้ำทันทีที่วิ่งทะลุผ่านพงไม้เข้ามา

โซวมะมองสายน้ำที่กัดเซาะผิวดินลึกลงไปกว่าที่คิดไว้ เขามองชายฝั่งอีกฟากหนึ่ง แม่น้ำนี้กลับแคบกว่าที่คิด แต่ถึงจะดูเหมือนใครก็กระโดดยาวๆ ข้ามไปได้ ชายฝั่งอีกด้านก็เล็กพอสมควร เมื่อพิจารณาความลึกของหุบลำธารนี้แล้ว ยังไงก็เป็นระยะที่คนต้องลังเลที่จะกระโดดข้ามฝั่งอยู่ดี ถึงล้มไปจะไม่ตายก็ตาม

“ใช่แล้ว!”

เชมุลและนักรบโซออนเยาว์ผู้หนึ่งจ้องมองโซวมะ

“ท่านพระบุตรขอรับ เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไม่?”

เห็นท่าทางผิดปกติของเขามาสักพักใหญ่แล้วก็ช่วยไม่ได้ที่คนเห็นจะต้องพูดออกมา

และเป็นดังคาด ที่ไม่มีถ้อยคำใดปรากฏขึ้นเพื่อปกป้องเขา

“ข้าคิดว่าโซมะกำลังวางแผนอะไรอยู่น่ะ...อืม…”

เชมุลเลี่ยงตอบไปไม่ตรงประเด็น

“เชมุล! มาพอดีเลย!”

โซวมะผู้ไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงกระทันหันนี้วิ่งเข้ามาอย่างร่าเริงทันทีที่เห็นเชมุลและนักรบเยาว์

“คือมีของที่ผมอยากให้สร้างให้เร็วที่สุด แล้วก็มีเรื่องอยากให้เธอทำด้วยน่ะ!”



◆◇◆◇◆




“เฮ้ย ไอ้หลุมนี่น่ะ แบบนี้ได้ไหม?”

โซออนตนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะใช้พลั่วขุดหลุมในพงไม้ที่ขนาบถนนสู่ภูเขา

“ก็ถูกแล้วนี่? ตามที่เด็กมนุษย์นั่นบอก ไม่ต้องลึกมากก็ได้ กล่าวว่าลึกแค่ช่วงน่องก็พอแล้ว”

“ทว่าอย่างไรข้าก็ไม่เข้าใจ หลุมพวกนี้มันอะไรกัน?”

เมื่อตรวจวัดความลึกของหลุมด้วยการหยั่งขาลงแล้วแล้ว เขาก็โคลงหัวไปมาอย่างสับสน ไม่ทราบแม้แต่น้อยว่าเหตุใดต้องขุดหลุมตื้นๆ เพียงน่องเช่นนี้ไปมากมายเพื่ออะไร

“ข้าก็ไม่รู้ แต่อย่างไรก็ถูกบอกให้ขุดหลุมในพงไม้เยอะๆ นี่”

“รีบขุดเข้าเถอะ พอเสร็จแล้วยังต้องไปขนหินจากอีกฝั่งแม่น้ำด้วย”

“ขุดหลุม ขนย้ายหิน เอาจริงสิ เรากำลังทำอะไรอยู่กันแน่เนี่ย?”

“ข้าก็บอกไปแล้วว่าข้าไม่รู้ไม่ใช่รึ? อีกอย่าง รีบขยับมือเข้า”



◆◇◆◇◆




ขณะเดียวกัน ที่ค่ายอพยพ พวกโซออนอีกกลุ่มก็กล่าวเช่นเดียวกัน

“พวกมนุษย์จะมาโจมตีก็จริง ทว่าทำของเหล่านี้ไปเพื่ออะไรเล่า?”

สิ่งที่พวกโซออนกลุ่มนี้ทำอยู่คือวัตถุทรงกลมขนาดใหญ่ พวกเขาทำสิ่งที่คล้ายกับเม็ดเกาลัดหรือหอยเม่นยักษ์ด้วยการมัดกิ่งไม้และเถาวัลย์ที่เก็บจากในเขามารวมกันเป็นชิ้นเดียว จากนั้นจึงยัดหญ้าแห้งและใบไม้แห้งเข้าไปในช่องว่าง เมื่อรูปทรงเข้าที่แล้ว มันก็กลายเป็นลูกบอลขนาดยักษ์

“ต่อให้ถามข้า ข้าก็ไม่ทราบ เจ้านั่นคงวางแผนอะไรไว้กระมัง”

“ท่านพ่อ ท่านแม่ เจ้าก้อนกลมเสร็จแล้ว!”

แม้กระทั่งเด็กๆ หรือผู้ที่ใกล้เติบโตเองก็ยังมาร่วมสนุกด้วยการสร้างลูกกลมๆ ขนาดเท่าคนโอบ กลิ้งก้อนกลมที่เสร็จแล้วไปมา ยังวิ่งไล่ส่งเสียงให้กำลังใจกันดังลั่น พวกเด็กๆ นั้นมีเสน่ห์นัก ทว่าเมื่อคิดว่ากำลังสร้างสิ่งที่กลายมาเป็นของเล่นเด็ก พวกผู้ใหญ่ก็รู้สึกท้อแท้อยู่บ้าง

“เราเป็นนักรบใช่หรือไม่? เหตุใดจึงต้องทำสิ่งเหล่านี้เล่า?”

“ทว่าเมื่อทำตามที่คนผู้นั้นว่า เราก็กอบกู้หมู่บ้านกลับมาได้คืนมาจริงๆ ไม่ใช่หรือ?”

บรรดาโซออนเงียบสนิทเมื่อได้ยินคำนั้น การบุกโจมตียามค่ำคืนโดยไม่ประกาศชื่อนั้นเป็นวิถีการต่อสู้ที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นนักรบ ทว่าผลลัพธ์ออกมาแล้ว และผลนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้

โซออนทั้งหลายยังใคร่ครวญว่าหากชื่นชมจะเป็นอะไรหรือไม่ หรือควรจะประนามต่อการกระทำเช่นนั้นดี

“อย่าไร้สาระ สิ่งที่ทำให้เรากอบกู้หมู่บ้านคืนมาได้คือพละกำลังของนักรบ เจ้านั่นไม่ได้ทำอะไรแม้แต่น้อยไม่ใช่รึ?”

ไม้เท้าหนักๆ ทุบลงบนหัวของกาจีต้าที่กล่าวขึ้น

“โอ๊ย!? ท-ท่านทำอะไรน่ะ แม่เฒ่า?”

“นี่พวกเจ้า! หากมีเวลาบ่นนักเหตุใดไม่ขยับมือไปด้วยเล่า?”

คนที่บ่นออกมาคือกาจีต้า แต่เห็นแก่หน้าแม่เฒ่าดูราวกับมัมมี่ลิงผู้นี้ซึ่งกำลังดุด่าเขาอยู่ เขาจึงได้แต่ก้มตัวลง

“เข้าใจหรือไม่กาจีต้า? สิ่งสำคัญไม่ใช่เจ้าทำอะไรได้ แต่เป็นเจ้าจะทำอะไรต่างหาก!”

ได้ยินดังนั้น กาจีต้าผู้นำพานักรบเยาว์เข้าสู่สนามรบเมื่อวานจนก่อให้เกิดผู้เคราะห์ร้ายมากมายโดยไม่แม้แต่จะสามารถกอบกู้หมู่บ้านคืนมาได้ ก็โต้แย้งอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย

แม่เฒ่าหัวเราะกั่กๆ ดังลั่น

“เจ้าหนุ่มนั่นน่าสนใจยิ่ง! อืม น่าสนใจจริงๆ!”


◆◇◆◇◆


“หัวหน้าเผ่า! พวกทหารมนุษย์ที่อยู่ตรงป้อมปราการเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!”

ได้ยินรายงานจากนักรบโซออนที่ส่งไปสังเกตุการณ์ การัมก็พยักหน้า

“พวกมันเคลื่อนไหวช้ากว่าที่คิด”

ตามที่การัมคาดการณ์ มนุษย์พวกนั้นควรเคลื่อนไหวเร็วกว่านี้มาก ทว่าด้วยเหตุนั้นเอง ฝ่ายเขาจึงมีเวลาเตรียมการรับมือเหลือเฟือ

“พวกเขาต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะมาถึงนี่?”

ได้ยินโซวมะถามเช่นนั้น การัมกอดอกครุ่นคิด

“ก็ ข้าคิดว่าพวกมันต้องใช้เวลาสองวันเดินเท้ามาถึงภูเขา หลังจากตั้งค่ายพักแรมตรงนี้ พวกมันจะต้องปีนขึ้นเขาเช้าวันต่อมา”

การัมคาดเดาโดยอาศัยประสบกาณณ์จากลักษณะของกองกำลังมนุษย์ที่ผ่านๆ มา หากเป็นมนุษย์เดินทัพมาแปดร้อยคนย่อมไม่ไวเกินไปนัก นอกจากนั้นพวกมันยังต้องเดินทัพให้เข้ากับความเร็วรถม้าขนเสบียงสำหรับแปดร้อยชีวิต การเดินทางย่อมช้าลงไปอีก

“ถ้าอย่างนั้น พวกนั้นก็จะมาถึงในอีกราวสามวันหลังจากนี้ใช่ไหม?”

“ควรจะใช้เวลาประมาณนั้น”

ได้ยินคำตอบของการัม โซวมะก็สูดลมหายใจเข้าลึก และประกาศกร้าว

“ในสามวัน พวกมันจะถูกถอนรากถอนโคน!”

แสดงความคิดเห็น

1 ความคิดเห็น