“ออร่าหรือ? เจ้าว่าออร่างั้นหรือ?”
“ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีเทพีชื่อนี้มาก่อน”
“ทว่า สิ่งนั้นย่อมเป็นสลักประทับแน่นอน”
เหล่าโซออนในที่นี้ล้วนแต่สับสนงุนงง
สิ่งทอประกายเจือจางอยู่บนหน้าผากของโซวมะนั้นคือสลักประทับที่บ่งบอกถึงความเป็นพระบุตรอย่างแน่นอน ทว่ารูปลักษณ์ของมันกลับไม่ได้เป็นของหนึ่งในสัตตเทพที่ทุกชีวิตรู้จัก นอกจากนั้นพวกเขายังไม่เคยได้ยินว่ามีเทพีแห่งความตายและหายนะที่โซวมะเอ่ยอ้างถึงมาก่อน
พวกเขาล้วนแต่สงสัยว่าสิ่งนี้ใช่เรื่องขบขัน ใช่เรื่องแต่งเติมขึ้นหรือไม่ ทว่าท่าทีเคร่งเครียดของเชมุลต่อเรื่องนี้ ทำให้โซออนล้วนสัมผัสได้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว
“ออร่าคือเทพีผู้ยิ่งใหญ่เก่าแก่เหนือกว่าสัตตเทพ”
แม่เฒ่าที่ปรากฏกายขึ้นอย่างกะทันหันเอ่ยเช่นนั้น
ทุกความสนใจของเหล่าโซออนหันไปยังนาง นางก้าวออกมาหาโซวมะ ยันกายด้วยไม้เท้าในมือที่ส่งเสียงกึกกัก
“พระนางคือเทพีผู้อยู่ในชั่วขณะสุดท้ายของทุกสิ่งมีชีวิตไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก พระนางคือเทพีผู้เป็นประจักษ์พยานในชั่วอึดใจสุดท้ายของทุกชีวิตไม่มีข้อยกเว้น พระนางคือเทพีผู้เป็นมารดาและพี่สาว เพียงหนึ่งเดียวผู้ได้รับทั้งความเกรงกลัวและเคารพยกย่องโดยสัตตเทพ พระนางคือเทพีผู้สังหารพระผู้สร้างและให้กำเนิดแก่สัตตเทพ…”
เหล่าโซออนตกตะลึงไปเมื่อทราบถึงการดำรงอยู่ของเทพีพระองค์นี้ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินชื่อของพระองค์ กระทั่งบัดนี้ เทพบิดาที่พวกเขารู้จักมีเพียงพระผู้สร้าง ผู้สิ้นสูญลงยามให้กำเนิดแก่สัตตเทพอันรวมไปถึงเทพแห่งสรรพสัตว์ที่พวกตนบูชาเท่านั้น ข่าวเรื่องเทพีผู้สังหารพระผู้สร้างกระทบกระแทกความรู้ดั้งเดิมเสียจนอึ้งงันไปกับสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้
“เป็นเรื่องจริงหรือ ท่านแม่เฒ่า…?”
การัมถามขึ้นอย่างตกตะลึง
กระทั่งการัมก็ไม่เคยได้ยินเรื่องของเทพีพระองค์นี้มาก่อน ทว่าผู้เอ่ยขึ้นคือแม่เฒ่า สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งพิธีกรรมและผู้เล่าเรื่องของเผ่า ย่อมไม่แปลกที่นางจะได้รับทราบข้อมูลที่คนในเผ่าไม่ทราบ ทว่ารายละเอียดนั้นกลับห่างไกลจากความรู้ของเขาเสียจนอดถามย้ำเพื่อความแน่ใจไม่ได้
แม่เฒ่าเดินมาถึงบริเวณที่โซวมะยืน นางชี้ไปยังหน้าผากของเขาด้วยปลายไม้เท้าในมือ
“ข้าได้รับการสอนสั่งจากผู้เล่าเรื่องคนก่อน ‘รูปลักษณ์ของมันดูราวกับงูสองตัวขดพันทาบทับร่างของกันและกันยามบิดกายขบกัดปลายหางอีกฝ่ายหนึ่ง นั่นคือสัญลักษณ์แห่งออร่า เจ้าต้องไม่สวดภาวนาบูชาออร่า เจ้าต้องไม่กล่าวถึงออร่า เจ้าต้องไม่พาดพิงถึงออร่า เจ้าต้องไม่ทราบถึงออร่า เพราะเทพีพระองค์นั้นคือหนึ่งเดียวผู้อยู่เหนือความตายและหายนะ’ ข้าถูกบอกเล่ามาเช่นนั้น”
เมื่อแม่เฒ่าหันมาหาคนในเผ่า นางบอกเล่าพวกเขาด้วยเรื่องราวที่ราวกับผีสางพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย
“ท้ายที่สุด พระนางคือเทพีผู้ร้องเพลงในซากปรักหักพัง เริงระบำเหนือยอดเขาแห่งซากศพ แพร่กระจายความตายยามพระนางตื่น นั่นคือออร่า เทพีแห่งความตายและหายนะ เด็กผู้นี้คือพระบุตรแห่งออร่าผู้นั้น”
นอกจากเทพหลายองค์ที่มีตัวตนอยู่จริงต่างกับญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน ยังมีสังคมที่เชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติอันเนื่องมาจากวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาอีกด้วย
นอกจากนั้น แม่เฒ่าที่มีรอยเหี่ยวย่นไปทั้งตัวนั้นยังดูราวกับมัมมี่ลิง สัมผัสการแสดงอันสมจริงของแม่เฒ่าแล้ว สตรีและเด็กที่จิตใจอ่อนแอต่างกรีดร้องเสียงหลง
“นะ...นั่นเป็นเพราะเขา! เขาเป็นผู้นำความล่มสลายมาสู่เรา! ”
โซออนตนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างหวาดกลัว
ได้ยินดังนั้น โซออนหลายรายก็ส่งเสียงฮือถอยหนีโซวมะ ทุกตนต่างมีสีหน้าหวั่นเกรงเนื่องจากเทพีออร่าผู้ที่เพิ่งได้รู้จัก และยังมีพระบุตรแห่งนาง โซวมะอีกด้วย
ทว่า ความกลัวนั้นเปลี่ยนกลายเป็นความต่อต้าน และความต่อต้านนำมาซึ่งความกราดเกรี้ยว
ยามนี้ พวกเขาต่างคิดว่าโซวมะคือเหตุของความโชคร้ายของเผ่าคมเขี้ยว ในสถานการณ์ไร้ทางแก้นี้ เหล่านักรบผู้ไร้หนทางล้วนค้นหาต้นเหตุเพื่อแก้ไข ทว่าไร้สิ่งใดนอกเสียจากชี้นำความโกรธเกรี้ยวนั้นไปสู่แพะรับบาปที่เพิ่งพบเจอ พวกเขาล้วนชักมีดดาบขึ้น ส่งสัญญาณให้กันและกันด้วยสายตา คิดจะโจมตีพร้อมกันในคราวเดียว
“หยุด! ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่? เด็กนี่คือพระบุตรเทพีแห่งความตายและหายนะ หากเจ้าสังหารเขา เราย่อมต้องประสบความวิบัติพินาศสิ้นแล้ว”
เพราะคำของแม่เฒ่า บรรดานักรบถอยออกไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว
แม่เฒ่าหันไปหาโซวมะและยิ้มกว้าง จากนั้นจึงกระซิบกับเขาด้วยระดับเสียงที่มีเพียงเชมุลซึ่งอยู่ใกล้กันเท่านั้นจึงได้ยิน
“กั่กกั่กกั่ก สงสัยข้าคงทำให้พวกเขากลัวเจ้ามากไปเล็กน้อยกระมัง”
“...แม่เฒ่า”
เชมุลนิ่งงันไปกับท่าทีของแม่เฒ่าที่ทำราวกับเด็กน้อยผู้ไม่อายในการกระทำผิด
ทว่าที่โซวมะได้รับคุณค่าจนสูงส่งเกินจริงจากเหล่าโซออนก็เป็นความจริงเพราะเหตุนั้น
ข้อความสำคัญที่อยู่ระหว่างบรรทัดก็คือ “ข้าก็ไม่เข้าใจนัก ทว่าเขาเป็นพระบุตรของเทพีผู้อุกอาจเช่นนั้น...มิได้หมายความว่าเขาสุดยอดหรอกหรือ? ”
ความคิดแบบนั้นไม่ได้พุ่งขึ้นอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็มีน้ำหนักขึ้น ก่อให้เกิดจินตนาการต่างๆ นานา ในใจทุกชีวิต ในความคิดพวกเขา โซวมะกลายเป็นปีศาจสุดร้ายกาจไปเสียแล้ว
“เจ้าหนุ่ม เจ้าเป็นพระบุตรของ...อืม...เทพีแห่งความตายและหายนะจริงหรือ? ”
โซวมะพยักหน้าอย่างหนักแน่นตอบคำถามการัม
“เราสามารถเอาชนะได้หรือ? ”
“ถ้าพวกคุณเป็นนักรบที่มีเกียรติอย่างที่เชมุลพูดไว้จริงๆ ”
“เราจะเอาชนะได้จริงหรือ หากเราฟังสิ่งที่ตัวบัดซบเช่นเจ้าบอกเรา…? ”
“พวกคุณสามารถเอาชนะได้! ”
โซวมะประกาศ
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุบังเอิญ หรือเพราะมีคำอำนวยพรจากเทพีส่งถึงพระบุตร ในชั่วขณะนั้น สายลมเหนือหอบหนึ่งพัดสู่บริเวณนั้นอย่างกะทันหัน กองไฟสว่างเจิดจ้า จากนั้นจึงปะทุขึ้น กลายเป็นเสาแห่งพระเพลิง
เงาจากเท้าของโซวมะยืดยาวขึ้น บิดเบี้ยวสั่นระริก ราวกับปีศาจร้ายเริงระบำอย่างปีติยินดี
“ออร่า...ออร่า! ”
“ออร่า เทพีแห่งความตายและหายนะ! ”
ผู้อาวุโสผู้เชื่อในโชคลางล้วนถูกความกลัวเข้าครอบงำ ต่างเริ่มสวดภาวนาต่อองค์เทพี เหล่านักรบถอยหลังห่างออกจากโซวมะโดยไม่รู้ตัว
การัมหลับตาลง ก่อนเงยหน้าขึ้นมองผืนฟ้า
โอ เทพแห่งสรรพสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่! นี่ใช่พระประสงค์อันทรงเกียรติของพระองค์หรือไม่?
โอ จิตวิญญาณบรรพบุรุษแห่งเราเอ๋ย! นี่ใช่การชี้นำของพวกท่านหรือไม่?
ราวกับเป็นคำตอบให้แก่คำถามอันเงียบงันของการัม เสียงของเชมุลแว่วมาให้ได้ยิน
“ท่านพี่…”
แม้เขาจะห้ามมิให้นางเรียกเขาว่าพี่ชายต่อหน้าพี่น้องในเผ่าเพื่อสร้างเส้นแบ่งให้ชัดเจนระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ทว่าเหตุการณ์เหล่านี้คงทำให้ความรู้สึกนางสั่นสะท้านเสียแล้ว เมื่อคิดเช่นนั้น ริมฝีปากเขาก็ขยับขึ้นเป็นรอยยิ้ม
น่าสนใจเหลือเกิน เขาครุ่นคิด
นี่เป็นครั้งแรกที่น้องสาวของเขาใส่ใจบุรุษผู้หนึ่งถึงเพียงนี้
เพราะนางคือผู้หยิ่งทระนงเหนือผู้ใด นางจึงไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ตน ทว่าอีกฝ่ายกลับเป็นบุรุษที่ผู้เป็นน้องสาวของเขาพยายามช่วยเหลือถึงขนาดยอมเสี่ยงชีวิต
หากมองไป สิ่งนี้มิใช่ความรักฉันชู้สาว ทว่าชายผู้นี้กลับโชคดีสามารถจับหัวใจของน้องสาวเขา ผู้ไม่เคยยอมรับใครได้สำเร็จ
นี่ย่อมเป็นเรื่องอันน่าตะลึงของโชคชะตา
เขาตั้งใจแล้ว การัมลืมตากว้างอย่างกะทันหัน
“ก็ได้ เจ้าหนุ่ม! ในนามของการัม บุตรแห่งการ์กัสส์และเผ่าคมเขี้ยว หนึ่งในสิบสองเผ่าโซออน ให้พวกเราได้เชื่อฟังสิ่งที่คนนอกคอกเช่นเจ้าสั่งเรา! ”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากเหล่าโซออน
“หัวหน้าเผ่า ได้โปรดคิดใหม่อีกทีเถอะ! ”
“ใช่แล้ว! ให้โซออนผู้มีศักดิ์ศรีเช่นเราทำตามคำสั่งมนุษย์คนหนึ่งหรือ! ”
แม้นักรบหลายรายจะกล่าวเช่นนี้พร้อมๆ กัน พยายามให้หัวหน้าเผ่าเปลี่ยนใจ การัมเป็นฝ่ายถามกลับ
“เช่นนั้น นักรบเอ๋ย ในบรรดาพวกเจ้า มีใครกล้าเอ่ยปากว่าสามารถทวงคืนหมู่บ้านกลับมาได้ดังที่เจ้าเด็กนี่เอ่ยบ้างเล่า? ”
ไม่ต้องพูดถึงนักรบผู้ใหญ่ กระทั่งนักรบเยาว์ผู้เปี่ยมด้วยพละกำลังจนถึงเมื่อวานต่างก็หลบสายตาด้วยสีหน้าอับอาย
“ดูไปคงไม่มีใครกล้า ทว่าเจ้าเด็กนี่กล่าวว่าเขาสามารถทำได้”
การัมถอดหน้ากากที่เรียกว่าหัวหน้าเผ่าออก แสดงให้เห็นรอยยิ้มแท้จริงดั่งอสูรของ ‘เขี้ยวคลั่ง’ นักรบผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งเผ่าคมเขี้ยว เขากล่าวต่อโซวมะ
“ทว่า เจ้าเด็กน้อย! เตรียมใจไว้ให้ดียามเราไม่ชนะเถิด! ข้าจะฉีกกระชากแหวกอกเจ้า ควักเครื่องในเจ้าออกมาด้วยตัวข้าเอง! ”
แม้จะรู้สึกเหมือนสติสัมปชัญญะถูกเป่าจนปลิวหายไปด้วยท่าทีกระหายเลือดจากโซออนที่พุ่งมายังเขา โซวมะกลับยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ และพยักหน้าอย่างทรงพลัง
◆◇◆◇◆
เหล่านักรบรวมตัวรอบกองไฟ การัมตัดสินใจฟังถ้อยคำของโซวมะ
บรรดานักรบผู้หวาดกลัวโซวมะล้วนพยายามไม่เข้าใกล้ ขณะเดียวกัน เชมุลเองก็อยู่ใกล้โซวมะด้วยพยายามปกป้องเขาเช่นกัน ภาพยามนี้จึงราวกับโซวมะและเชมุลยืนประจันหน้ากับเหล่านักรบของการัม
ขณะแบกรับความสนใจจากเหล่าโซออน โซวมะก็พยายามสื่อสารความคิดของตน เลือกใช้คำอย่างระมัดระวังที่สุดเท่าที่จะทำได้
มันเป็นเรื่องธรรมดา ทว่าเหล่านักรบกลับคัดค้านต่อต้านคำโซวมะ กล่าวได้ว่าพวกเขาล้วนแต่เกรี้ยวกราดกับคำของโซวมะราวกับเป็นสิ่งที่ขัดต่อศักดิ์ศรีแห่งนักรบ
ทว่าผู้เดียวที่คลี่คลายสถานการณ์ได้สุดท้ายกลับเป็นเชมุล
“หากเจ้ากล่าวว่าเราชนะได้ด้วยวิธีนี้ เช่นนั้นข้าพร้อมเดิมพันกับสิ่งนี้”
หากเป็นสิ่งที่ ‘เขี้ยวสูงศักดิ์’ ผู้หยิ่งทระนงเหนือผู้ใด เหล่านักรบล้วนยากปฏิเสธ ทว่าแม้เช่นนั้น พวกเขาก็ยังลังเล
“เราจะกระทำตัวขี้ขลาดเช่นนั้นได้อย่างไร!? ตายเสียยังดีกว่ามาก! ”
ทันใดนั้น นักรบเยาว์ผู้กล่าวเช่นนั้นก็ถูกบางสิ่งขว้างใส่หน้า
“อุ๊บบบ! อ-อะ-ท่านทำอะไรกัน!? ”
เมื่อเอาสิ่งที่แปะอยู่บนหน้าออกแล้ว จึงได้เห็นว่านั่นคือผ้าดำ พอหันไปมองต้นทางของผ้าก็พบว่าผู้กระทำหยาบคายนี้คือท่านแม่เฒ่า
“เช่นนั้นใช้เจ้านั่นปิดปากเจ้าย่อมไม่เป็นไรแล้ว”
ผ้านั้นคือสิ่งที่เอาไว้ใช้ปิดปากผู้วางวายตามธรรมเนียมของโซออน เหล่าโซออนเชื่อว่าวิญญาณของทุกชีวิตจะถูกเทพแห่งสรรพสัตว์เรียกหาผ่านริมฝีปากยามสิ้นชีพ ทว่ายังมีคำกล่าวว่าหากทิ้งซากศพไว้เพียงลำพังหลังวิญญาณจากไปแล้ว วิญญาณร้ายในรูปลักษณ์ของแมลงจะเข้าไปในปาก กระทำสิ่งน่ารังเกียจกับร่างผู้ตาย ดังนั้นการใช้ผ้าย้อมดำด้วยยางไม้ที่แมลงเกลียดปิดปากผู้ตายจึงเป็นการป้องกันวิญญาณร้ายนั่นเอง
ถ้าพูดถึงภาพลักษณ์ของผีในญี่ปุ่นยุคก่อน ก็มักจะมีผ้าคาดสามเหลี่ยม (หรือของที่บางคนก็เรียกว่า “เจ้าผ้าสามเหลี่ยมที่เอาไว้คาดหน้าผาก” และ “หมวกกระดาษ”) บนหน้าผากของผู้จากไป ภาพลักษณ์ของผีในใจโซออนเองก็จะมีผ้าสีดำปิดปากไว้เช่นกัน
“เข้าใจแล้ว หากการตายยังดีกว่ามาก เช่นนั้นให้เจ้ากลายเป็นวิญญาณ ตายเสียตั้งแต่ตอนนี้ก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรือ? ”
คนที่ตอบโต้การกลั่นแกล้งของแม่เฒ่าคนแรกคือเชมุล นางยกผ้าดำขึ้นปิดปาก ทั้งยังหันไปถามโซวมะว่า ‘เหมาะกับข้าหรือไม่? ’ ให้โซวมะผู้ไม่รู้อะไรเรื่องผีของโซออนไม่รู้จะทำตัวยังไงดี พวกโซออนที่นี่เองก็ไม่มีทางมองว่าสิ่งที่พระบุตรของพวกตนกระทำนั้นผิดอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงหันไปหาการัมอย่างขอความช่วยเหลือ
“ยอมแพ้เสียเถอะ ต่อให้ข้ากล่าวอะไรไปก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปหรอก”
ได้ยินเช่นนั้น เชมุลก็รู้สึกเหมือนถูกหมิ่น
“เขี้ยวคลั่ง พูดเช่นนั้นราวกับมองข้าเป็นพวกหัวทึบเลยมิใช่รึ? ”
“ถูกแล้วเขี้ยวสูงศักดิ์ ข้าอดห่วงเจ้าไม่ได้ ทั้งในฐานะหัวหน้าเผ่าและในฐานะพี่ชาย เจ้าควรจะลองดูสีหน้าของพี่น้องคนอื่นๆ ที่ได้ยินคำพูดเจ้าเสียบ้าง”
ขณะที่การัมกล่าวเช่นนั้น ทั้งยังมีบรรยากาศเงียบงันแปลกประหลาด เหล่าสมาชิกในเผ่าที่อยู่ในที่แห่งนั้นล้วนพร้อมใจกันหันหน้าหนีเชมุลโดยพร้อมเพรียง
0 ความคิดเห็น